นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกค้าและคู่สัญญา
บริษัทในเครือ เวทโปรดักส์ ได้แก่ (1) บริษัท เวทโปรดักส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด (2) บริษัท แอคอินเทล จำกัด (3) บริษัท อินเตอร์ ฟีดเทค (ประเทศไทย) จำกัด (4) บริษัท แอนิมัล ซัพพลีเมนท์ แอนด์ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (5) บริษัท เวทโปรดักส์ โพลทรี่ จำกัด (6) บริษัท วีพีจี โกลบอล จำกัด (7) บริษัท เวทโปรดักส์ รีเซิร์ช แอนด์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (8) บริษัท เมิร์จ คอมพาเนี่ยน (ประเทศไทย) จำกัด (9) บริษัท ไอเว็ท (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปจะเรียกว่า “บริษัท”) มีความมุ่งมั่นที่จะให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิ เกี่ยวกับข้อมูลอันเกี่ยวเนื่องกับบุคคลธรรมดาทั้งที่ระบุตัวตนได้หรือสามารถระบุตัวตนได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ที่ได้รับจากลูกค้าและคู่สัญญา บริษัทเข้าใจดีว่าลูกค้าหรือคู่สัญญา ในฐานะบุคคลธรรมดาประสงค์จะได้รับความคุ้มครองว่าข้อมูลของลูกค้าหรือคู่สัญญาที่ได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนให้บุคคลอื่นรวมทั้งการโอนข้อมูลออกไปยังต่างประเทศอย่างไร โดยให้ถือว่าบริษัทเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบริษัทอื่นซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายใต้คำสั่งของบริษัทใช้ หรือเปิดเผยขอมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่ลูกค้าและคู่สัญญา มอบให้บริษัทเป็นข้อมูลที่จำเป็น เพื่อให้บริษัทสามารถ เข้าทำสัญญาซื้อขายสินค้า สัญญารับจ้างทำงาน สัญญารับจ้างทำของ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาตัวการตัวแทน สัญญานายหน้า และสัญญาอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของบริษัทกับลูกค้าและคู่สัญญา เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการในเรื่องสำคัญต่างๆ ตามสัญญาซื้อขายสินค้า สัญญารับจ้างทำงาน สัญญารับจ้างทำของ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาตัวการตัวแทน สัญญานายหน้า และสัญญาอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของบริษัท เพื่อเป็นประโยชน์ในการประกอบกิจการการค้าของบริษัทกับลูกค้าและคู่สัญญา
นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะถูกแก้ไขปรับปรุงเป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายคุ้มครองข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่บริษัทใช้ดำเนินการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จึงขอให้ลูกค้าและคู่สัญญา ติดตามนโยบายความเป็นส่วนตัว เป็นระยะ นอกจากนี้บริษัทจะทำการแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงที่สำคัญให้ลูกค้าและคู่สัญญา ทราบผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางต่างๆ ตามที่บริษัทกำหนด
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทอาจเก็บรวบรวม รักษาและใช้ข้อมูลประเภทต่าง ๆ โดยต่อเมื่อได้รับความยินยอมอย่างจัดแจ้งจากลูกค้าและคู่สัญญาในรูปแบบเอกสาร และ/หรือ รูปแบบดิจิตอล และบริษัทอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา ซึ่งบริษัทได้รับข้อมูลไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อมจากลูกค้าและคู่สัญญา จากแหล่งข้อมูลอื่น หรือจากบริษัทในเครือ บริษัทลูก บริษัทอื่น พันธมิตรทางธุรกิจ หรือจากการติดต่อสื่อสารทางตรง หรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์( เว็บไซต์ของบริษัท https://www.vetproductsgroup.com/ ) หรือช่องทางอื่นในระบบอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันและอนาคต ระหว่างลูกค้าและคู่สัญญากับบริษัท ประเภทของข้อมูลที่จัดเก็บจะขึ้นอยู่กับการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและคู่สัญญากับบริษัท จากบริษัท เวทโปรดักส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัทในเครือ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เว้นแต่เป็นการจัดเก็บรักษา ใช้ข้อมูลของลูกค้าและคู่สัญญา เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่ง ลูกค้าและคู่สัญญาเป็นคู่สัญญา และ/หรือข้อยกเว้นอื่นตามกฎหมาย
1) รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อนามสกุล เพศ อายุ สัญชาติ รายละเอียดเกี่ยวกับการเกิด (วัน เกิด เวลาเกิด สถานที่เกิด) หมู่โลหิต ที่อยู่ อันปรากฎในข้อมูลในบัตรที่ทางราชการออกให้ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง) ทะเบียนบ้าน หรือ เอกสารระบุตัวตนอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
2) รายละเอียดสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่จดทะเบียน อีเมล์แอดเดรส หมายเลขโทรศัพท์ ไลน์ไอดี เว็บไซต์ บัญชีเฟสบุ๊ค ช่องทางอื่นในระบบอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันและอนาคต เลขระบุตัวตน/เลขประจำตัวผู้ใช้งานในระบบออนไลน์ของลูกค้าและคู่สัญญา
3) ข้อมูลเกี่ยวกับสัญญา ข้อมูลในสัญญาซื้อขายสินค้า สัญญารับจ้างทำงาน สัญญารับจ้างทำของ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาตัวการตัวแทน สัญญานายหน้า สัญญาค้ำประกันและสัญญาอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของบริษัท รวมถึงข้อมูลในเอกสารแนบท้ายสัญญา
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล และ/หรือโอน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ) ข้อมูลต่อไปนี้ซึ่งตามกฎหมายจะถือว่า เป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (“ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว”) ของลูกค้าและคู่สัญญาได้ต่อ เมื่อบริษัทได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากลูกค้าหรือคู่สัญญา หรือตามที่กฎหมายอนุญาตไว้เท่านั้น เว้นแต่เป็นการจัดเก็บข้อมูลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ดังนี้
1) ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์
2) ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนตามที่ปรากฏในเอกสารประจำตัว (เช่นศาสนา เชื้อชาติ)และเอกสารอื่นซึ่งแนบท้ายสัญญาฯ
หากลูกค้าและคู่สัญญาได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท (เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลดังกล่าว ข้อมูลความสัมพันธ์ ของลูกค้าและคู่สัญญากับบุคคลดังกล่าว) กรุณาแจ้งเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ให้บุคคลดังกล่าวรับทราบ และ/หรือขอความยินยอมจาก บุคคลผู้นั้นให้แก่บริษัทด้วย
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ) ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเฉพาะในกรณีที่ลูกค้าและคู่สัญญาให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งหรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้เท่านั้น
กิจกรรมของบริษัทตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้กับผู้เยาว์ และบริษัทไม่ได้มีเจตนา ที่จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถ หากลูกค้าและคู่สัญญาเป็นผู้เยาว์ บุคคล เสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถที่มีความประสงค์จะเข้าทำสัญญากับบริษัท ลูกค้าและคู่สัญญาจะต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้พิทักษ์ของลูกค้าและคู่สัญญาก่อนจะติดต่อกับบริษัทหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา ในกรณีที่บริษัท ทราบว่าบริษัทได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใดที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีโดยมิได้เจตนาและไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม หรือจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมายของบุคคลดังกล่าวโดยมิได้เจตนา บริษัทจะลบข้อมูลนั้นทันที หรือจะทำการประมวลผลเฉพาะที่บริษัทสามารถใช้ฐานอื่นทางกฎหมายโดยที่ไม่จำต้องได้รับความยินยอม
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา
2.1 วัตถุประสงค์ตามที่ต้องให้ความยินยอม
บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของลูกค้าและคู่สัญญา เพื่อวัตถุประสงค์ เพื่อให้ปฏิบัติตามสัญญา เพื่อการจัดส่งสินค้า เพื่อจัดการด้านการเงินและบัญชี เพื่อการตลาด เพื่อส่งใบแจ้งหนี้ เพื่อส่งหนังสือบอกกว่าทวงถาม เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับกิจการของบริษัท และวัตถุประสงค์อื่นซึ่งเป็นประโยชน์ของลูกค้าและคู่สัญญา
2.2 วัตถุประสงค์ที่บริษัทอาจอาศัยและใช้ฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา
บริษัทอาจอาศัย (1) หลักพื้นฐานตามสัญญา สัญญารับจ้างทำงาน สัญญารับจ้างทำของ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาตัวการตัวแทน สัญญานายหน้า สัญญาค้ำประกันภัยและสัญญาอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของบริษัท (2) ฐานภาระหน้าที่ทางกฎหมาย เพื่อปฏิบัติ ตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายของบริษัท (3) ฐานผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และของบุคคลภายนอก (4) ฐานประโยชน์อันสำคัญเพื่อป้องกันหรือหยุดยั้งอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (5) ฐานประโยชน์สาธารณะ เพื่อปฏิบัติงานอันทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อใช้อำนาจหน้าที่
ทั้งนี้ หากลูกค้าและคู่สัญญาไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างแก่บริษัท อาจทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการบางประการตามที่ระบุไว้ในนโยบาย ความเป็นส่วนตัวนี้ และเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามรับจ้างทำงาน สัญญารับจ้างทำของ สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาตัวการตัวแทน สัญญานายหน้า สัญญาค้ำประกันและสัญญาอื่นอันเกี่ยวกับกิจการของบริษัท กับลูกค้าและคู่สัญญาได้ อย่างไรก็ดีบริษัทได้จัดให้มีมาตรการ คุ้มครองข้อมูลซึ่งรวมถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาไม่ให้ถูกนำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาตจาก ลูกค้าและคู่สัญญา
3. บริษัทเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาให้ใคร
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้ที่ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าวอาจอยู่ในหรือต่างประเทศ ลูกค้าและคู่สัญญาสามารถศึกษานโยบาย ความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบถึงวิธีการที่บุคคลดังกล่าวจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา เนื่องจากลูกค้าและคู่สัญญาจะอยู่ภายใต้การบังคับใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกเหล่านี้ด้วย
3.2 บุคคลภายนอกรายอื่น
บริษัทอาจมอบหมายให้บริษัทอื่น ตัวแทน หรือผู้ให้บริการภายนอกเข้าดำเนินธุรกิจแทนหรือช่วยบริษัทดำเนินธุรกิจ ดังนั้น บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาให้แก่ผู้ให้บริการของบริษัท ผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcers) หรือคู่สัญญาที่เป็น บุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
(1) ธนาคารและสถาบันการเงิน
(2) ผู้ให้บริการในการจัดทำบัญชี
(3) ผู้ให้บริการด้านงานบริหารจัดการงานภายใน
(4) ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลและบริการคลาวด์
(5) บริษัทประกันภัย
(6) ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทที่ให้บริการสนับสนุน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
(7) ผู้ให้บริการด้านงานเอกสาร
(8) สำนักงานสรรพากรและ
(9) อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ในการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาได้ อย่างไรก็ดีบริษัทจะให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการเฉพาะข้อมูล ที่จำเป็นแก่การให้บริการของผู้ให้บริการรายนั้นเท่านั้น และบริษัทได้ขอให้บุคคลดังกล่าวไม่จัดเก็บ ใช้เปิดเผย หรือโอน (ในประเทศหรือ ไปยังต่างประเทศ) ซึ่งข้อมูลของลูกค้าและคู่สัญญา เพื่อวัตถุประสงค์อื่น บริษัทจะกำกับดูแลให้ผู้ให้บริการที่ทำงานกับบริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้าและคู่สัญญาไว้ให้ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
3.3 หน่วยงานราชการ
ในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผย หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามกฎระเบียบ ซึ่งหมายรวมถึงหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกอื่นใดที่บริษัทเห็นว่า มีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่นั้นตามกฎหมายหรือตามกฎระเบียบ หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลภายนอก หรือ เพื่อความปลอดภัยส่วนตัวของบุคคลใด และเพื่อตรวจหา ป้องกัน หรือดำเนินการอันเกี่ยวกับการทุจริต ด้านความมั่นคงปลอดภัย
3.4 ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญหมายความรวมถึง
(1) ที่ปรึกษากฎหมายซึ่งให้ความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและให้บริการ ด้านการต่อสู้คดีหรือฟ้องร้องคดี
(2) ผู้สอบบัญชีซึ่งให้บริการด้านบัญชี หรือตรวจสอบบัญชีแก่บริษัท
3.5 ผู้รับโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่
บุคคลภายนอกในฐานะผู้รับโอนสิทธิของบริษัท ในกรณีที่มีการฟื้นฟูกิจการ การควบรวมกิจการ การโอนธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือการร่วมทุนในกิจการร่วมค้า โดยบุคคลดังกล่าวจะปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อคุ้มครองต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา
4. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาไปยังบุคคลภายนอก บริษัทแม่ บริษัทในเครือ/บริษัทลูกของบริษัท ในต่างประเทศ หรือเซิร์ฟเวอร์ข้อมูล (Data Server) ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศซึ่งอาจมีหรือไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลในระดับเดียวกันกับประเทศไทย ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลให้การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาเป็นไปอย่างปลอดภัย และผู้ได้รับข้อมูลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลที่เหมาะสมหรือมีข้อยกเว้นอื่นตามที่กฎหมายกำหนด หากมีการโอนข้อมูล ไปยังต่างประเทศบริษัทจะขอความยินยอมจากลูกค้าและคู่สัญญาตามที่กฎหมายกำหนด
5.ระยะเวลาในการจัดเก็บ
บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้าและคู่สัญญาภายใต้มาตรการรักษาความปลอยภัยสูงสุดของบริษัท โดยบริษัทจัดให้มีการจัดเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลาทั้งหมดในระหว่างลูกค้าและคู่สัญญาเป็นคู่สัญญากับบริษัท และมีการจัดเก็บต่อเนื่องหลังจากสิ้นสุดสัญญาไปอีก 10 ปี หรือจัดเก็บนานขึ้นหากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
6.การจัดเก็บข้อมูลและมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของลูกค้าและคู่สัญญาในรูปแบบเอกสาร และจัดเก็บในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดยการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสาร บริษัทจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของ ลูกค้าและคู่สัญญาโดยจัดให้มีผู้ดูแลเอกสารข้อมูลของลูกค้าและคู่สัญญาเป็นอย่าดี และในการจัดเก็บข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดยจัดให้มีผู้ดูแลข้อมูลและบริษัทยังระบบรรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบป้องกันอื่น ๆ ในอนาคต
7.การทำลายข้อมูล
กรณีบริษัทมีความจำเป็นต้องทำลายข้อมูล บริษัทได้จัดให้มีมาตราการการทำลายข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลในรูปแบบเอกสารบริษัทจัดให้มีเครื่องทำลายเอกสาร และมีเจ้าหน้าของบริษัทควบคุมและตรวจสอบตลอดเวลาในการทำลายเอกสาร และการทำลายข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล บริษัทจัดให้มีขั้นตอนการทำลายข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยลบข้อมูลในฐานข้อมูลของบริษัท และลบข้อมูลในฐานข้อมูลสำรองของบริษัทหรือมีคำสั่งให้ลบข้อมูลในฐานข้อมูลของผู้ให้บริการ(กรณีใช้บริการจัดเก็บข้อมูลกับผู้ให้บริการภายนอก)
8.ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับโดยใช้แนวทางปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ซึ่งรวมถึงการขอเอกสารฉบับจริงจากลูกค้าและคู่สัญญา ก่อนที่บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เช่น เอกสารประจำตัว และ/หรือหลักฐานที่อยู่ ลูกค้าและคู่สัญญาจะต้องรับรองความถูกต้อง ของข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าและคู่สัญญาให้ไว้แก่บริษัท และแจ้งให้บริษัทลูกค้าและคู่สัญญาหากข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญามีการเปลี่ยนแปลง
9.สิทธิของลูกค้าและคู่สัญญาในฐานะเจ้าของข้อมูล
ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าว ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิดังต่อไปนี้
1) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เกี่ยวกับตัวลูกค้าและคู่สัญญา ทั้งนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของลูกค้าและคู่สัญญา บริษัทอาจกำหนดให้ลูกค้าและคู่สัญญาพิสูจน์ตัวตนก่อนจะให้ ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ลูกค้าและคู่สัญญาขอ
2) สิทธิในการแก้ไขข้อมูล: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือไม่ได้ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเกี่ยวกับลูกค้าและคู่สัญญาให้ถูกต้อง
3) สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาที่บริษัทมีอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือ ใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์อัตโนมัติ และส่งหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปให้ผู้ควบคุม ข้อมูล ส่วนบุคคลรายอื่นในกรณีที่ (ก) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้าและคู่สัญญาได้ส่งให้บริษัท (ข) หากบริษัททำการประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลตามความยินยอมของลูกค้าและคู่สัญญา หรือเพื่อดำเนินการตามสัญญาของบริษัทที่ทำกับลูกค้าและคู่สัญญา
4) สิทธิในการคัดค้าน: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิคัดค้านการเก็บ รวบรวม การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างของลูกค้าและคู่สัญญา เช่น คัดค้านการทำการตลาดแบบขายตรง เป็นต้น
5) สิทธิในการระงับการใช้: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาในบางกรณี
6) สิทธิในการถอนความยินยอม ลูกค้าและคู่สัญญามีสิทธิถอนความยินยอมที่เคยให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาได้ตลอดเวลา
7) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล: ลูกค้าและคู่สัญญามีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือกระทำการให้ไม่สามารถระบุตัวตน ในข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเกี่ยวกับลูกค้าและคู่สัญญาได้อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการเช่นนั้น หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งหรือใช้สิทธิเรียกร้อง หรือยกขึ้นต่อสู้การเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย
8) สิทธิในการร้องเรียน: ลูกค้าและคู่สัญญาอาจใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหากเห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10.รายละเอียดสำหรับติดต่อบริษัท
หากลูกค้าและคู่สัญญามีความประสงค์จะติดต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญา หรือหากลูกค้าและคู่สัญญามีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูล ส่วนบุคคลของลูกค้าและคู่สัญญาภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของบริษัทได้ที่
บริษัทในเครือ เวทโปรดักส์
ที่อยู่ 300/121 ตึกช้าง อาคาร บี ชั้น 24 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.10900
โทรศัพท์ : 02-937-4888
นโยบายฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
______________________________________________
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับพนักงาน
บริษัทในเครือ เวทโปรดักส์ ได้แก่ (1) บริษัท เวทโปรดักส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด (2) บริษัท แอคอินเทล จำกัด (3) บริษัท อินเตอร์ ฟีดเทค (ประเทศไทย) จำกัด (4) บริษัท แอนิมัล ซัพพลีเมนท์ แอนด์ ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (5) บริษัท เวทโปรดักส์ โพลทรี่ จำกัด (6) บริษัท วีพีจี โกลบอล จำกัด (7) บริษัท เวทโปรดักส์ รีเซิร์ช แอนด์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด (8) บริษัท เมิร์จ คอมพาเนี่ยน (ประเทศไทย) จำกัด (9) บริษัท ไอเว็ท (ประเทศไทย) จำกัด (ต่อไปจะเรียกว่า “บริษัท”) มีความมุ่งมั่นที่จะให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิ เกี่ยวกับข้อมูลอันเกี่ยวเนื่องกับบุคคลธรรมดาทั้งที่ระบุตัวตนได้หรือสามารถระบุตัวตนได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) ที่ได้รับจากท่าน บริษัทเข้าใจดีว่าท่านในฐานะบุคคลธรรมดาประสงค์จะได้รับความคุ้มครองว่าข้อมูลของท่านได้รับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนให้บุคคลอื่นรวมทั้งการโอนข้อมูลออกไปยังต่างประเทศอย่างไร โดยให้ถือว่าบริษัทเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบริษอื่นซึ่งเป็นผู้ให้บริการภายใต้คำสั่งของบริษัทใช้ หรือเปิดเผยขอมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่ท่านมอบให้บริษัทเป็นข้อมูลที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถ เข้าทำสัญญาว่าจ้าง/ร่วมงานกับท่าน และเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการในเรื่องสำคัญต่างๆ ตามสัญญาว่าจ้าง/ร่วมงานกับท่าน ต่อไป ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการจ่ายเงินหรือจัดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้แก่ท่าน เพื่อเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงาน
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ (“นโยบายความเป็นส่วนตัว”) จะนำมาใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานปัจจุบัน พนักงาน ที่เกษียณอายุ และลูกจ้างที่ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งท่านในฐานะพนักงาน หรือลูกจ้างที่ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท แล้วแต่กรณี มีหน้าที่ทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัว (รวมทั้งส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงแก้ไข) และปฏิบัติตามนโยบายความเป็น ส่วนตัว อย่างไรก็ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาว่าจ้าง/ร่วมงานกับท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะถูกแก้ไขปรับปรุงเป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายคุ้มครองข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่บริษัทใช้ดำเนินการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จึงขอให้ท่านติดตามนโยบายความเป็นส่วนตัว เป็นระยะ นอกจากนี้บริษัทจะทำการแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงที่สำคัญให้ท่านทราบผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือช่องทางต่างๆ ตามที่บริษัทกำหนด
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทอาจเก็บรวบรวม รักษาและใช้ข้อมูลประเภทต่าง ๆ โดยต่อเมื่อได้รับควมยินยอมอย่างจัดแจ้งจากท่าน และบริษัทอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งบริษัทได้รับไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อมจากท่าน จากแหล่งข้อมูลอื่น หรือจากบริษัทในเครือ บริษัทลูก บริษัทอื่น พันธมิตรทางธุรกิจ หรือจากการติดต่อสื่อสาร ระหว่างท่านกับบริษัท ประเภทของข้อมูลที่จัดเก็บจะขึ้นอยู่กับการติดต่อสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท สายงานที่ท่านทำงาน หรือ สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบริษัท และจากบริษัทในเครือเวทโปรดักส์ (ตามคำนิยามด้านล่าง) ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เว้นแต่เป็นการจัดเก็บ รักษา และใช้ข้อมูลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา และ/หรือข้อยกเว้นอื่นตามกฎหมาย
1) รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อนามสกุล ชื่อเล่น เพศ อายุ สัญชาติ รายละเอียดเกี่ยวกับการเกิด (วัน เกิด เวลาเกิด สถานที่เกิด) หมู่โลหิต น้ำหนักและส่วนสูง ประวัติการศึกษา ประวัติการฝึกอบรม ใบรับรองวุฒิ การศึกษา ประวัติคุณสมบัติและประสบการณ์ทำงานโดยย่อ (CV) ความสามารถทางภาษา ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านอื่นๆ กิจกรรม (เช่น งานอดิเรก กีฬาที่เล่น เกมส์) ประวัติการว่าจ้าง ข้อมูลในบัตรที่ทางราชการออกให้
(เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง) ทะเบียนบ้าน รายละเอียดใบขับขี่ ใบอนุญาต/ใบรับรอง หรือ เอกสารระบุตัวตนอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน เอกสารและสถานะในการขึ้นทะเบียนทหาร สถานภาพการสมรส ภาพถ่าย บันทึกวิดีโอและกล้องวงจรปิด รายละเอียดของยานพาหนะ (เช่น ประเภทของยานพาหนะที่ท่านเป็นเจ้าของ สำเนาสมุด ทะเบียนรถ เลขทะเบียนรถ) ข้อมูลการตรวจสอบภูมิหลัง (เช่น การตรวจสอบสถานะความมีหนี้สินล้นพ้นตัว การตรวจสอบประวัติคดีความ) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและข้อมูลในเรื่องทางวินัย ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ และ ตำแหน่งในสมาคมหรือองค์กรวิชาชีพใดๆ
2) รายละเอียดสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่จดทะเบียน อีเมล์แอดเดรส หมายเลขโทรศัพท์ ไลน์ไอดี และ บัญชีเฟสบุ๊ค เลขระบุตัวตน/เลขประจำตัวผู้ใช้งานในระบบออนไลน์ของท่าน
3) ข้อมูลเกี่ยวกับการว่าจ้าง เช่น ใบสมัครงาน ประเภทของการจ้างงาน ข้อกำหนดและเงื่อนไขการจ้าง ระยะเวลาของสัญญา ตำแหน่ง ชื่อตำแหน่ง แผนก บริษัทเดิม สถานที่ทำงาน ลักษณะของธุรกิจ ลักษณะงานที่ทำ ชั่วโมงทำงาน บันทึกการเข้างาน วันเริ่มงาน ข้อมูลและบันทึกเกี่ยวกับการลา เหตุผลในการบอกเลิกสัญญาว่าจ้างและ/หรือการลาออก ความก้าวหน้า ในอาชีพการงาน และการประเมินผลการทำงาน ค่าเดินทาง/ค่าน้ำมัน ไอพีแอดเดรส (IP address) แม็คแอดเดรส (Mac address) และรหัสผ่านของท่าน
4) รายละเอียดเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ เช่น เงินเดือน ค่าแรงและเบี้ยเลี้ยง ผลประโยชน์จูงใจ โบนัส สิทธิประโยชน์ ในค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน และค่าโทรศัพท์ ข้อมูลเกี่ยวกับประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับ ประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลบัญชีธนาคาร หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ข้อมูลการหักภาษี ของท่าน เป็นต้น
5) ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เช่น ผู้บังคับบัญชา บุคคลอ้างอิง ญาติหรือเพื่อนของท่านที่ทำงานกับบริษัท ข้อมูลเกี่ยวกับ ครอบครัว (เช่น บิดามารดา คู่สมรส พี่น้อง และบุตร) และข้อมูลของผู้ติดต่อในกรณีฉุกเฉินของท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลของ บุคคลดังกล่าวที่จัดเก็บไว้อาจรวมถึงคำนำหน้าชื่อ ชื่อนามสกุล อายุ อาชีพ/ตำแหน่ง บริษัทที่บุคคลดังกล่าวทำงานอยู่ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และความสัมพันธ์กับพนักงาน
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล และ/หรือโอน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ) ข้อมูลต่อไปนี้ซึ่งตามกฎหมายจะถือว่า เป็นข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (“ข้อมูลที่มีความอ่อนไหว”) ของท่านได้ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านหรือ ตามที่กฎหมายอนุญาตไว้เท่านั้น เว้นแต่เป็นการจัดเก็บข้อมูลเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ การคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของท่านตามกฎหมาย การคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ การประกันชีวิต และ/หรือข้อยกเว้นอื่นตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียดของข้อมูลดังนี้
1) ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์
2) ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนตามที่ปรากฏในเอกสารประจำตัว (เช่นศาสนา เชื้อชาติ)
3) ข้อมูลสุขภาพ (เช่น โรคติดต่อ)
4) ข้อมูลชีวมิติ (เช่น ลายนิ้วมือ การจดจำใบหน้า การสแกนม่านตา)
5) ความพิการ
6) ประวัติอาชญากรรม
หากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท (เช่น ชื่อนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลดังกล่าว ข้อมูลความสัมพันธ์ ของท่านกับบุคคลดังกล่าว) กรุณาแจ้งเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ให้บุคคลดังกล่าวรับทราบ และ/หรือขอความยินยอมจาก บุคคลผู้นั้นให้แก่บริษัทด้วย
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ) ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวเฉพาะในกรณีที่ท่าน ให้ความยินยอมอย่างชัดแจ้งหรือกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้เท่านั้น
กิจกรรมของบริษัทตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้กับผู้เยาว์ และบริษัทไม่ได้มีเจตนา ที่จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถ หากท่านเป็นผู้เยาว์ บุคคล เสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถที่มีความประสงค์จะเข้าเป็นพนักงานหรือทำงานกับบริษัท ท่านจะต้อง ได้รับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผู้พิทักษ์ของท่านก่อนจะติดต่อกับบริษัทหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่บริษัท ทราบว่าบริษัทได้จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้ใดที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีโดยมิได้เจตนาและไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม หรือจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมายของบุคคลดังกล่าวโดยมิได้เจตนา บริษัทจะลบข้อมูลนั้นทันที หรือจะทำการประมวลผลเฉพาะที่บริษัทสามารถใช้ฐานอื่นทางกฎหมายโดยที่ไม่จำต้องได้รับความยินยอม
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2.1 วัตถุประสงค์ตามที่ต้องให้ความยินยอม
บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
1) ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์: เพื่อขั้นตอนการรับสมัครงานและว่าจ้าง
2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวซึ่งปรากฏในเอกสารระบุตัวตน: เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตัวตน และยืนยันตัวตน
3) ข้อมูลสุขภาพ: เพื่อใช้กับกระบวนการรับสมัครงานและว่าจ้าง การให้ความดูแลด้านสุขภาพในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และ การจัดให้มีแผนตรวจสุขภาพประจำปี
4) ข้อมูลชีวภาพ: เพื่ออนุญาตให้เข้าออกพื้นที่หวงห้าม บริหารจัดการการเข้างานและบันทึกการจ้างงาน และ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการรักษาความปลอดภัย
5) ความพิการ: เพื่อกระบวนการรับสมัครงานและการว่าจ้าง การตรวจสอบภูมิหลัง และเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย
6) ประวัติอาชญากรรม: เพื่อประกอบการตัดสินใจในการรับเข้าทำงาน/การร่วมงาน การตรวจสอบภูมิหลัง และ เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย
2.2 วัตถุประสงค์ที่บริษัทอาจอาศัยและใช้ฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทอาจอาศัย (1) หลักพื้นฐานตามสัญญา เพื่อทำตามสัญญาว่าจ้าง/ร่วมงานกับท่าน (2) ฐานภาระหน้าที่ทางกฎหมาย เพื่อปฏิบัติ ตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายของบริษัท (3) ฐานผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และของบุคคลภายนอก (4) ฐานประโยชน์อันสำคัญเพื่อป้องกันหรือหยุดยั้งอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (5) ฐานประโยชน์สาธารณะ เพื่อปฏิบัติงานอันทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อใช้อำนาจหน้าที่
หากท่านเป็นผู้สมัครงาน บริษัทจะอาศัยเหตุผลด้านกฎหมายข้างต้นเป็นหลักเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ) ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(ก) เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการรับสมัครงานและประสานงานในการคัดเลือกเข้าทำงาน
(ข) เพื่อดำเนินการกับใบสมัครขอฝึกงาน การทำงานรายชั่วโมง หรือใบสมัครเข้าทำงานของท่าน
(ค) เพื่อยืนยันตัวตนและพิสูจน์ตัวตนของท่าน
(ง) เพื่อประเมินและให้คะแนนผู้สมัครเพื่อตัดสินใจว่าจ้าง
(จ) เพื่อทำการประเมินความเหมาะสมในการทำงาน
(ฉ) เพื่อทำสัญญาว่าจ้าง และเตรียมการปฐมนิเทศ
(ช) เพื่อจ่ายเงินเดือนหรือค่าตอบแทน และเพื่อการจ่ายเงินคืน
(ซ) เพื่อตรวจสอบประวัติและตรวจสอบบุคคลอ้างอิงในกรณีที่ท่านได้รับการเสนอให้เข้าทำงานกับบริษัทฯ
(ฌ) เพื่อการติดต่อสื่อสารกับท่าน และ/หรือผู้ที่ท่านแจ้งให้บริษัทติดต่อในกรณีฉุกเฉิน หากท่านเป็นพนักงานหรือลูกจ้างที่ไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท บริษัทจะอาศัยฐานทางกฎหมายข้างต้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ สำหรับเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ในประเทศหรือไปยังต่างประเทศ)
(ญ) เพื่อกระบวนการรับสมัครงานและการพิจารณาบรรจุตำแหน่งงานอื่น (เช่น การคัดเลือก การตัดสินใจว่าจ้าง และการคัดเลือก ผู้สมัคร และ/หรือการเปลี่ยนประเภทสัญญาจ้าง)
(ฎ) เพื่อเข้าทำสัญญาและบริหารจัดการจ้างงาน/การร่วมงานกับท่าน
(ฏ) เพื่อการพิสูจน์ตัวบุคคล การระบุตัวบุคคล และการยืนยันตัวตนหรือระบุตัวตนของท่าน
(ฐ) เพื่อติดต่อธุรกิจกับท่าน/ข่าวสารและความคืบหน้าเกี่ยวกับงาน การยืนยันสถานะการจ้างงาน การประชุมภายใน และการติดต่อ ในกรณีฉุกเฉิน
(ฑ) เพื่อจ่ายเงินเดือนและค่าจ้าง รางวัล โบนัส ค่าตอบแทนพิเศษ การหักลดภาษี กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม การจ่ายเงินปันผล บำนาญ ชำระคืนค่าใช้จ่าย คืนค่ารักษาพยาบาลและค่ายา ประกันชีวิตและประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล การจ่ายเงินชดเชย การจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นของพนักงาน
(ฒ) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนดำเนินการ เช่น ทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาบุคคล รวมทั้งการบริหารจัดการกำลังคน การกำกับดูแลวินัยพนักงานทาง การสืบสอบและสอบสวนเมื่อมีการร้องเรียน ภายในและลงโทษทางวินัย (ถ้ามี)
(ณ) เพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ที่จอดรถ การบริหารจัดการพื้นที่ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการ ช่วยเหลือ การได้รับอนุญาตให้เข้าออกพื้นที่หวงห้ามบางพื้นที่การจองห้องประชุม บริการ WIFI อุปกรณ์และ/หรือเครื่องมือ สำหรับปฏิบัติงานในงานที่ได้รับว่าจ้าง
(ด) จัดให้พนักงานได้รับการฝึกอบรม และเข้าร่วมการสัมมนา ติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติงานของท่าน และประเมินผลการทำงาน
(ต) เพื่อจัดทำบันทึกเกี่ยวกับเรื่องทางวินัย การเข้าออกงาน และการลาหยุดของพนักงาน (เช่น ลาป่วย ลากิจ หรือลาคลอดบุตร)
(ถ) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ
(ท) เพื่อปฏิบัติภาระหน้าที่ทางกฎหมาย กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจ
(ธ) เพื่อป้องกันการทุจริต เช่น จัดให้มีการควบคุมการเข้าออกสำนักงานให้มีความปลอดภัย ตรวจและป้องกันการกระทำผิด ภายในสถานที่ทำการของบริษัทซึ่งรวมทั้งการใช้กล้อง CCTV
(น) เพื่อวัตถุประสงค์อื่นอันเกี่ยวกับการจ้างงานท่านตามที่บริษัทเห็นสมควร (เช่น เพื่อดำเนินการหรือปฏิบัติการใดๆ เพื่อบริษัท หรือในนามบริษัท) และตามที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างงานของท่าน กฎระเบียบในการทำงาน หรือเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
ทั้งนี้ การที่ท่านไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างแก่บริษัท อาจทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการบางประการตามที่ระบุไว้ในนโยบาย ความเป็นส่วนตัวนี้ และเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาว่าจ้าง/ร่วมงานกับท่าน และในบางกรณีบริษัทอาจไม่สามารถ ยอมรับการจ้างงาน/หรือร่วมงานกับท่าน หรือไม่สามารถต่อสัญญาว่าจ้างท่าน/ร่วมงานกับท่านได้อย่างไรก็ดี บริษัทได้จัดให้มีมาตรการ คุ้มครองข้อมูลซึ่งรวมถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ให้ถูกนำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาตจากท่าน
3. บริษัทเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใคร
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้ที่ทำการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าวอาจอยู่ในหรือต่างประเทศ ท่านสามารถศึกษานโยบาย ความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกดังกล่าวเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงวิธีการที่บุคคลดังกล่าวจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน เนื่องจากท่านจะอยู่ภายใต้การบังคับใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกเหล่านี้ด้วย
3.2 บุคคลภายนอกรายอื่น
บริษัทอาจมอบหมายให้บริษัทอื่น ตัวแทน หรือผู้ให้บริการภายนอกเข้าดำเนินธุรกิจแทนหรือช่วยบริษัทดำเนินธุรกิจ ดังนั้น บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการของบริษัท ผู้ให้บริการภายนอก (Outsourcers) หรือคู่ค้าที่เป็น บุคคลภายนอก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
(1) ธนาคารและสถาบันการเงิน
(2) ผู้ให้บริการในการจัดทำบัญชีเงินเดือน
(3) ผู้ให้บริการ ด้านทรัพยากรบุคคล
(4) ผู้ให้บริการด้านงานบริหารจัดการงานภายใน
(5) ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลและบริการคลาวด์
(6) บริษัทประกันภัย
(7) ผู้ให้บริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
(8) ผู้ให้บริการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทที่ให้บริการสนับสนุน ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
(9) โรงพยาบาล
(10) ผู้ให้บริการด้านการฝึกอบรม/การเรียนรู้
(11) ผู้ให้บริการด้านงานเอกสาร
(12) สำนักงานประกันสังคม
(13) สำนักงานสรรพากรและ
(14) อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ในการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ อย่างไรก็ดีบริษัทจะให้ข้อมูลแก่ผู้ให้บริการเฉพาะข้อมูล ที่จำเป็นแก่การให้บริการของผู้ให้บริการรายนั้นเท่านั้น และบริษัทได้ขอให้บุคคลดังกล่าวไม่จัดเก็บ ใช้เปิดเผย หรือโอน (ในประเทศหรือ ไปยังต่างประเทศ) ซึ่งข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่น บริษัทจะกำกับดูแลให้ผู้ให้บริการที่ทำงานกับบริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านไว้ให้ปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด
3.3 หน่วยงานราชการ
ในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผย หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือตามกฎระเบียบ ซึ่งหมายรวมถึงหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแล ส่วนราชการ หรือบุคคลภายนอกอื่นใดที่บริษัทเห็นว่า มีความจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่นั้นตามกฎหมายหรือตามกฎระเบียบ หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลภายนอก หรือ เพื่อความปลอดภัยส่วนตัวของบุคคลใด และเพื่อตรวจหา ป้องกัน หรือดำเนินการอันเกี่ยวกับการทุจริต ด้านความมั่นคงปลอดภัย
3.4 ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญหมายความรวมถึง
(1) ที่ปรึกษากฎหมายซึ่งให้ความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและให้บริการ ด้านการต่อสู้คดีหรือฟ้องร้องคดี
(2) ผู้สอบบัญชีซึ่งให้บริการด้านบัญชี หรือตรวจสอบบัญชีแก่บริษัท
3.5 ผู้รับโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่
บุคคลภายนอกในฐานะผู้รับโอนสิทธิของบริษัท ในกรณีที่มีการฟื้นฟูกิจการ การควบรวมกิจการ การโอนธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือการร่วมทุนในกิจการร่วมค้า โดยบุคคลดังกล่าวจะปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อคุ้มครองต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
4. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก บริษัทแม่ บริษัทในเครือ/บริษัทลูกของบริษัท ในต่างประเทศ หรือเซิร์ฟเวอร์ข้อมูล (Data Server) ที่ตั้งอยู่ต่างประเทศซึ่งอาจมีหรือไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลในระดับเดียวกันกับประเทศไทย ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลให้การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นไปอย่างปลอดภัย และผู้ได้รับข้อมูลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลที่เหมาะสมหรือมีข้อยกเว้นอื่นตามที่กฎหมายกำหนด หากมีการโอนข้อมูล ไปยังต่างประเทศบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด
5.ระยะเวลาในการจัดเก็บ
บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของท่านภายใต้มาตรการรักษาความปลอยภัยสูงสุดของบริษัท โดยบริษัทจัดให้มีการจัดเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลาทั้งหมดในระหว่างท่านปฏิบัติงานภายใต้บริษัท และมีการจัดเก็บต่อเนื่องหลังจากท่านพ้นสภาพการเป็นพนักงานไปอีก 10 ปี หรือจัดเก็บนานขึ้นหากกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
6.การจัดเก็บข้อมูลและมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของท่านในรูปแบบเอกสาร และจัดเก็บในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดยการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบเอกสาร บริษัทจัดให้มีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของท่าน โดยจัดให้มีผู้ดูแลเอกสารข้อมูลของท่านเป็นอย่าดี และในการจัดเก็บข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล โดยจัดให้มีผู้ดูแลข้อมูลและบริษัทยังระบบรรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบป้องกันอื่น ๆ ในอนาคต
7.การทำลายข้อมูล
กรณีบริษัทมีความจำเป็นต้องทำลายข้อมูล บริษัทได้จัดให้มีมาตราการการทำลายข้อมูล ดังนี้ ข้อมูลในรูปแบบเอกสารบริษัทจัดให้มีเครื่องทำลายเอกสาร และมีเจ้าหน้าของบริษัทควบคุมแล้วตรวจสอบตลอดเวลาในการทำลายเอกสาร และการทำลายข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์รูปแบบไฟล์ดิจิตอล บริษัทจัดให้มีขั้นตอนการทำลายข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยลบข้อมูลในฐานข้อมูลของบริษัท และลบข้อมูลในฐานข้อมูลสำรองของบริษัทหรือมีคำสั่งให้ลบข้อมูลในฐานข้อมูลของผู้ให้บริการ(กรณีใช้บริการจัดเก็บข้อมูลกับผู้ให้บริการภายนอก)
8.ความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับโดยใช้แนวทางปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ซึ่งรวมถึงการขอเอกสารฉบับจริงจากท่าน ก่อนที่บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เช่น เอกสารประจำตัว และ/หรือหลักฐานที่อยู่ ท่านจะต้องรับรองความถูกต้อง ของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัท และแจ้งให้บริษัททราบหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีการเปลี่ยนแปลง
9.สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อยกเว้นของกฎหมายดังกล่าว ท่านอาจใช้สิทธิดังต่อไปนี้
1) สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล: ท่านอาจใช้สิทธิในการเข้าถึงและขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย เกี่ยวกับตัวท่าน ทั้งนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของท่าน บริษัทอาจกำหนดให้ท่านพิสูจน์ตัวตนก่อนจะให้ ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ท่านขอ
2) สิทธิในการแก้ไขข้อมูล: ท่านอาจใช้สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดการเข้าใจผิด หรือไม่ได้ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน ที่บริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเกี่ยวกับท่านให้ถูกต้อง
3) สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล: ท่านอาจใช้สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทมีอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือ ใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์อัตโนมัติ และส่งหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปให้ผู้ควบคุม ข้อมูล ส่วนบุคคลรายอื่นในกรณีที่ (ก) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ส่งให้บริษัท (ข) หากบริษัททำการประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลตามความยินยอมของท่าน หรือเพื่อดำเนินการตามสัญญาของบริษัทที่ทำกับท่าน
4) สิทธิในการคัดค้าน: ท่านอาจใช้สิทธิคัดค้านการเก็บ รวบรวม การใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างของท่าน เช่น คัดค้านการทำการตลาดแบบขายตรง
5) สิทธิในการระงับการใช้: ท่านอาจใช้สิทธิระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี
6) สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมที่เคยให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านได้ตลอดเวลา
7) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือกระทำการให้ไม่สามารถระบุตัวตน ในข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยเกี่ยวกับท่านได้อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการเช่นนั้น หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งหรือใช้สิทธิเรียกร้อง หรือยกขึ้นต่อสู้การเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย
8) สิทธิในการร้องเรียน: ท่านอาจใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหากเห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10.รายละเอียดสำหรับติดต่อบริษัท
หากท่านมีความประสงค์จะติดต่อบริษัทเพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของบริษัทได้ที่
บริษัทในเครือ เวทโปรดักส์
ผู้ติดต่อ : เจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
ที่อยู่ :300/121 ตึกช้าง อาคาร บี ชั้น 24 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.10900
อีเมลล์ : saranya.p@vetproducts.co.th
โทรศัพท์ : 02-937-4888
นโยบายฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
______________________________________________
รายละเอียดหน่วยงานกำกับดูแล
ในกรณีที่เราหรือลูกจ้างหรือพนักงานของเราฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแล ตามรายละเอียดดังนี้
ชื่อ: สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไร?
ข้อมูลส่วนบุคคล* หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม
เราจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
- ชื่อ-นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
เราอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก 2 ช่องทาง ดังนี้
- เราได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง โดยเราจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากขั้นตอนการให้บริการ ดังนี้
- ขั้นตอนการสมัครใช้บริการกับเรา หรือขั้นตอนการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิ์ต่างๆ กับเรา
- จากความสมัครใจของท่าน ในการทำแบบสอบถาม (survey) หรือ การโต้ตอบทาง email หรือ ช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างเราและท่าน
- เก็บจากข้อมูลการใช้ website ของเราผ่าน browser’s cookies ของท่าน
วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล
- เราจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการบริการท่านในฐานะลูกค้าสินค้าและบริการของเรา รวมไปถึงการส่งข่าวสาร และโปรโมชั่นเกี่ยวกับสินค้าและบริการจาก Designil PDPA
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว เราจะดำเนินการดังนี้กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- เก็บรวบรวมอย่างปลอดภัย
- ใช้เปิดเผย ทั้งนี้ บุคคล หน่วยงาน ที่เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมี ดังนี้
ระบบจดหมายข่าว
การเก็บรักษาและระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ควบคุมทำการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
1. จัดเก็บเป็น Soft Copy
2. เก็บไว้บน Cloud ที่ใช้บริการกับ Ecom Idea
3. ระยะเวลาจัดเก็บ เป็นไปตามหัวข้อ ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
4. เมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือ เราไม่มีสิทธิ์หรือไม่สามารถอ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว เราจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นด้วยวิธีการลบข้อมูลออกจากระบบ และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันนับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
เรามีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้
- ชื่อ นามสกุลเบอร์โทรศัพท์ email
- ระยะเวลาประมวลผล: 10 ปี นับแต่วันที่เลิกสัญญา
สิทธิ์ของเจ้าของข้อมูล
ท่านมีสิทธิ์ในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้
(1) สิทธิ์ในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent): ท่านมีสิทธิ์ในการเพิกถอนความยินยอมในการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับเราได้ ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับเรา
(2) สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access): ท่านมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและขอให้เรา ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้เราเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความ ยินยอมต่อเราได้
(3) สิทธิ์ในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification): ท่านมีสิทธิ์ในการขอให้เราแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ เพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
(4) สิทธิ์ในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure): ท่านมีสิทธิ์ในการขอให้เราทำการลบข้อมูลของท่านด้วยเหตุบาง ประการได้
(5) สิทธิ์ในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing): ท่านมีสิทธิ์ในการระงับการใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
(6) สิทธิ์ในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability): ท่านมีสิทธิ์ในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่านที่ท่านให้ไว้กับเราไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือ ตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
(7) สิทธิ์ในการคัดคานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object): ท่านมีสิทธิ์ในการคัดคานการประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ DPO/เจ้าหน้าที่ฝ่ายของเราได้ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิ์ข้างต้นได้ (รายละเอียดการติดต่อปรากฏในหัวข้อ “ช่องทางการติดต่อ” ด้านล่างนี้)
ทั้งนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ในการดำเนินตามสิทธิ์ข้างต้น โดยเราจะพิจารณาและแจ้งผลการ
พิจารณาตามคำร้องของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่เราได้รับคำร้องขอดังกล่าว
กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
ในระหว่างการใช้บริการ เราจะส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการตลาด ผลิตภัณฑ์ การ ให้บริการของเราที่เราคิดว่าท่านอาจสนใจเพื่อประโยชน์ในการให้บริการกับท่านอย่างเต็มประสิทธิภาพ หากท่านได้ตกลง ที่จะรับข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากเราแล้ว ท่านมีสิทธิ์ยกเลิกความยินยอมดังกล่าวได้ทุกเมื่อ โดยท่านสามารถดำเนินการยกเลิกความยินยอมในการรับแจ้งข้อมูลข่าวสารได้ จากการคลิกลิงค์ Unsubscribe ในอีเมลที่ท่านได้รับ
Cookies
Cookies คืออะไร?
Cookies คือ text files ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของท่านที่ใช้เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การใช้งาน internet ของ ท่าน หรือ พฤติกรรมการเยี่ยมชม website ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมของ Cookies ได้จาก https://www.allaboutcookies.org/
เราใช้ Cookies อย่างไร?
เราจะจัดเก็บข้อมูลการเขาเยี่ยมชม website จากผู้เขาเยี่ยมชมทุกรายผ่าน Cookies หรือ เทคโนโลยีที่ใกล้เคียง และเราจะใช้ Cookies เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประสิทธิ์ภาพในการเข้าถึงบริการของเราผ่าน internet รวมถึงพัฒนาประสิทธิ์ภาพในการใช้งานบริการของเราทาง internet โดยจะใช้เพื่อกรณี ดังต่อไปนี้
- เพื่อให้ท่านสามารถ sign in บัญชีของท่านใน website ของเราได้อย่างต่อเนื่อง
- เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้งาน website ของท่าน เพื่อนำไปพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ประเภทของ Cookies ที่เราใช้?
เราใช้ Cookies ดังต่อไปนี้ สำหรับ website ของเรา
- Functionality – cookies ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเลือกเป็น preferences เช่น ภาษาที่ใช้ เป็นต้น
- Advertising – cookies ที่ใช้ในการจดจำสิ่งที่ลูกค้าเคยเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้า บริการ หรือ สื่อโฆษณาที่เกี่ยวของเพื่อให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้งาน
การจัดการ Cookies
ท่านสามารถตั้งค่ามิให้ browser ของท่าน ตกลงรับ Cookies ของเราได้ โดยมีขั้นตอนในการจัดการ Cookies ตามเว็บไซต์ https://www.wikihow.com/Disable-Cookies
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ website อื่น
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของเราและการใช้งาน website ของเราเท่านั้น หากท่าน ได้กด link ไปยัง website อื่น (แม้จะผ่านช่องทางใน website ของเราก็ตาม) ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ปรากฏใน website นั้นๆ แยกต่างหากจากของเรา
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายความเป็นส่วนตัวเป็นประจำเพื่อให้สอดคลองกับแนวปฏิบัติ และ กฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวของ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว เราจะแจ้งให้ท่านทราบด้วยการ update ข้อมูลลงใน website ของเราโดยเร็วที่สุด
ปัจจุบัน นโยบายความเป็นส่วนตัวถูกทบทวนครั้งล่าสุดเมื่อ 30/08/2021
ช่องทางการติดต่อ
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูล
ชื่อ : นายไพศาล ใจกล้า
สถานที่ตั้ง : สำนักงานใหญ่ : 3300/121 ตึกช้าง อาคารบี ชั้น 24 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ประเทศไทย 10900
ช่องทางการติดต่อ : +662-937-4888
เว็บไซต์ : www.vetproductsgroup.com
อีเมล : paisal.j@vetproducts.co.th
(ช่องทางติดหรือรับข่าวสารอื่นๆ : Facebook : https://www.facebook.com/VetProductsGroup/ )